ปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะสื่อสารกันผ่านทางช่องทางออนไลน์ ดังนั้นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจึงสำคัญมาก หนึ่งในภัยคุกคามที่มักเกิดขึ้นโดยที่เรามองไม่เห็นคือ การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MitM) ซึ่งผู้ไม่ประสงค์ดีแอบดักฟังหรือดัดแปลงการสื่อสารของเราผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Wi-Fi สาธารณะ หรือเว็บไซต์ที่ไม่มีความปลอดภัย การโจมตีนี้สามารถขโมยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตได้ บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกับ MitM และวิธีการป้องกันเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ
การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle คืออะไร?
การโจมตีแบบ MitM เป็นวิธีที่ผู้โจมตีเข้ามาอยู่ระหว่างการสื่อสารของสองฝ่ายและดักจับข้อมูลที่ส่งระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยในหลายกรณี ผู้โจมตีอาจปลอมตัวเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการสื่อสาร ทำให้ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าตนกำลังสื่อสารกับผู้ที่ต้องการคุยด้วยจริง ๆ การโจมตีแบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในเครือข่ายที่ไม่มีการป้องกัน หรือบนเว็บไซต์ที่ไม่มีการเข้ารหัส (เช่น HTTP แทนที่จะเป็น HTTPS) รวมถึง Wi-Fi สาธารณะซึ่งเป็นจุดที่มีความเสี่ยงสูงมาก
เป้าหมายและเหตุผลในการโจมตีแบบ MitM
เป้าหมายของการโจมตีแบบ MitM คือการเข้าถึงข้อมูลสำคัญและข้อมูลที่เป็นความลับของผู้ใช้ โดยเฉพาะข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัตรเครดิตและบัญชีธนาคาร รหัสผ่าน ข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่ผู้โจมตีสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ไม่ว่าจะเพื่อทำการโจรกรรมข้อมูล การใช้ข้อมูลในทางที่ผิด หรือแม้แต่การขายข้อมูลให้กับบุคคลที่สาม
ตัวอย่างของเป้าหมายและเหตุผลที่พบบ่อยในการโจมตีแบบ MitM
- การขโมยข้อมูลทางการเงิน เพื่อเข้าถึงบัญชีธนาคารหรือข้อมูลบัตรเครดิตของผู้ใช้
- การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ ที่อยู่ หรือข้อมูลสุขภาพ เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิด
- การขโมยข้อมูลธุรกิจ เช่น ข้อมูลสำคัญภายในองค์กรหรือความลับทางธุรกิจ
- การแอบอ้างตัวตน เพื่อนำข้อมูลที่ขโมยมาไปใช้เข้าสู่ระบบในนามของผู้ใช้นั้นๆ
วิธีการโจมตีแบบ MitM มีอะไรบ้าง?
- การดักฟัง Wi-Fi
ผู้โจมตีสามารถสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมขึ้นมา หรือแฮกเข้าระบบเครือข่าย Wi-Fi ที่มีอยู่แล้ว เพื่อดักจับข้อมูลที่ผู้ใช้ส่งผ่านเครือข่ายนั้น
- การสวมรอย DNS
โดยการปลอมแปลงข้อมูล DNS (Domain Name System) ที่ใช้ในการแปลงชื่อเว็บไซต์เป็นที่อยู่ IP ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนเส้นทางของผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้โดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว
- การแฮก SSL
การแฮก SSL คือการดักจับข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสระหว่างผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ โดยแฮกเกอร์จะทำการปลอมแปลงโปรโตคอล SSL ที่ใช้ในการเข้ารหัสการเชื่อมต่อ HTTPS เพื่อดักข้อมูลที่กำลังส่งผ่าน
- การปลอมแปลง HTTPS
ผู้ใช้จะคิดว่าเว็บไซต์ที่พวกเขากำลังเข้าชมมีการใช้โปรโตคอล HTTPS ซึ่งหมายความว่าข้อมูลของผู้ใช้จะถูกเข้ารหัสระหว่างการส่งไปยังเว็บไซต์ แต่จริง ๆ แล้วผู้ใช้ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย (HTTP) ซึ่งทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับข้อมูลและติดตามการทำงานของผู้ใช้ได้
- การแฮกอีเมล
ผู้โจมตีเข้าถึงบัญชีอีเมลของบริษัทการเงินหรือธนาคาร เพื่อเฝ้าติดตามการทำธุรกรรมและขโมยข้อมูล พวกเขายังอาจใช้บัญชีอีเมลที่ถูกแฮกหรืออีเมลปลอมที่มีลักษณะคล้ายกับอีเมลจริง เพื่อส่งคำสั่งที่ไม่ถูกต้องไปยังลูกค้า เช่น การโอนเงินไปยังบัญชีใหม่
อันตรายของการโจมตีแบบ MitM
การโจมตีแบบ MitM มีผลกระทบร้ายแรงและอันตราย เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีความสำคัญสูงได้ โดยเฉพาะข้อมูลทางการเงินและข้อมูลส่วนบุคคล ผลกระทบจากการถูกโจมตีอาจมีได้หลายประการ เช่น
- การสูญเสียทรัพย์สิน
ผู้ใช้ที่ถูกขโมยข้อมูลการเข้าสู่บัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตอาจเสียทรัพย์สินจำนวนมาก
- การสูญเสียความเป็นส่วนตัว
ข้อมูลส่วนตัวที่ถูกขโมยไปอาจนำไปสู่การแอบอ้างตัวตนหรือนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด
- ความเสียหายต่อธุรกิจ
หากข้อมูลทางธุรกิจสำคัญรั่วไหลออกไป อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและภาพลักษณ์ของบริษัท
วิธีป้องกันการโจมตีแบบ MitM
เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ MitM มีวิธีที่สามารถใช้ได้หลายประการ เช่น
- ใช้การเชื่อมต่อที่ปลอดภัย (HTTPS)
หลีกเลี่ยงการใช้เว็บไซต์ที่ไม่มีการเข้ารหัส HTTPS โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องกรอกข้อมูลสำคัญ
- ระวังการใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย
หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะหากไม่จำเป็น หรือใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อปกป้องการเชื่อมต่อให้ปลอดภัยมากขึ้น
- ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์
ใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่สามารถตรวจจับการโจมตีแบบ MitM ได้ เพื่อเพิ่มการป้องกันและความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ
- ใช้การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication)
เพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณด้วยการยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอนเพื่อให้ผู้โจมตีไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ง่าย ๆ
- อัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
การอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการจะช่วยปิดช่องโหว่ที่อาจถูกผู้โจมตีใช้ในการเข้าถึงระบบ
- ระวังการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไม่รู้จัก
หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออุปกรณ์ที่ไม่รู้จัก เนื่องจากอาจเป็นวิธีที่ผู้โจมตีใช้ในการเข้าถึงข้อมูลของคุณ
การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MitM) เป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ต้องระวังในยุคที่การสื่อสารและการทำธุรกรรมออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติ การรู้จักวิธีการโจมตี ความเสี่ยง และผลกระทบจาก MitM รวมถึงวิธีการป้องกันจะช่วยให้เราสามารถรักษาความปลอดภัยของข้อมูลสำคัญและป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อของผู้โจมตี
#ithero #itsupport #itsolution #ไอทีฮีโร่ #ไอทีซัพพอร์ท #วางระบบไอที #แก้ไขปัญหาไอที #อัพเดทไอที #อัพเดทซอฟต์แวร์ #บริการไอทีซัพพอร์ท #itservices
มีปัญหาไอที นึกถึง IT-Hero
เราคือผู้ให้บริการดูแลและแก้ไขปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ IT Support & MA ซึ่งเราคือตัวกลางที่จะช่วย SMEs แก้ไขปัญหาด้านไอทีแบบครบวงจร และช่วยปรับธุรกิจของคุณให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลด้วยบริการด้านไอที
ครบ จบ ทุกโซลูชั่น
- วิเคราะห์พร้อมออกแบบระบบให้เหมาะกับธุรกิจคุณ
- ดูแลแก้ไขปัญหาและจำหน่ายทั้ง Hardware, Software
- ออกแบบติดตั้งระบบสายนำสัญญาณเครือข่าย Network
- ออกแบบ Website, Application
- ระบบ Cloud Solution
- ระบบ ERP Implement
ติดต่องานบริการทางด้านไอที ได้ที่
Email : [email protected]
Tel. : 088-809-0910 to 16
Line OA : @ithero
#ithero #itsupport #itsolution #ดูแลระบบไอที#ไอทีฮีโร่ #ไอทีซัพพอร์ท #วางระบบไอที #แก้ไขปัญหาไอที #อัพเดทไอที #อัพเดทซอฟต์แวร์ #บริการไอทีซัพพอร์ท #itservices #อัพเดทความปลอดภัย #ไมโครซอฟต์ #security policy #microsoft entra id #ความปลอดภัย