ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือ เรื่องส่วนตัว เราจำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และ ยิ่งต้องพึ่งพามากเท่าไร ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ใครๆ ก็หันมาทำงานหรือเรียนอยู่บ้านกันมากขึ้น ทำให้แนวโน้มที่จะเกิดเหตุร้ายด้านไซเบอร์เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ไม่ว่าคุณจะประกอบธุรกิจประเภทไหน มีขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก ก็สามารถเสี่ยงการถูกโจมตีทางไซเบอร์ อย่างมัลแวร์ หรือ ฟิชชิ่ง ได้ทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า? สิ่งที่ทำให้เหล่าธุรกิจรายย่อยหรือ SME มีความเสี่ยงมากกว่ารายใหญ่ คืออะไร คำตอบคือความชะล่าใจ เพราะเจ้าของธุรกิจรายย่อยบางคนอาจจะยังเข้าใจผิด คิดว่าธุรกิจของตัวเองนั้นมีขนาดเล็ก มีข้อมูลที่ไม่สำคัญมากพอที่จะเตะตาให้เหล่าแฮกเกอร์ให้มาสนใจและโจมตีได้
การโจรกรรมทางไซเบอร์ กลายเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง ข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ของเราล้วนตกอยู่ในความเสี่ยง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจรูปแบบของการโจรกรรมทางไซเบอร์ พฤติกรรมที่เป็นความเสี่ยง
การโจรกรรมทางไซเบอร์ คืออะไร ?
การโจรกรรมทางไซเบอร์ หมายถึง การเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ เครือข่าย หรืออุปกรณ์โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมุ่งหวังเพื่อ ขโมย, แก้ไข หรือ ทำลายข้อมูลรูปแบบ ของการโจรกรรมทางไซเบอร์
- ฟิชชิ่ง (Phishing) แฮกเกอร์จะส่งอีเมลหรือข้อความปลอมแปลง หลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลธนาคาร
- มัลแวร์ (Malware) ซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย เช่น ไวรัส แรนซัมแวร์ โดยแฮกเกอร์สามารถใช้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้ ขโมยข้อมูล
- การโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM) แฮกเกอร์จะแทรกตัวอยู่ระหว่างการสื่อสารของผู้ใช้และเว็บไซต์เพื่อดักจับข้อมูล
- การโจมตีทางไซเบอร์แบบ Social Engineering แฮกเกอร์จะใช้กลวิธีทางจิตวิทยาเพื่อหลอกล่อผู้ใช้ให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือดำเนินการที่ทำให้เกิดความเสี่ยง
- การโจมตีแบบแอปพลิเคชัน (Application attacks) เน้นโจมตีและเจาะระบบแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงานบนอุปกรณ์เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น เว็บแอปพลิเคชัน, แอปพลิเคชันมือถือ
พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้ถูกโจรกรรมทางไซเบอร์
- ใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการเดาหรือทางการค้นหา เช่น รหัสผ่านที่สั้นหรือใช้ข้อมูลส่วนตัวเช่น วันเกิด, ชื่อ, หรือตำแหน่งงาน
- ใช้รหัสผ่านเดียวกันสำหรับหลายบัญชีหรือแอปพลิเคชัน ทำให้เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับโจรกรรมทางไซเบอร์ เนื่องจากหากบัญชีหนึ่งถูกโจมตีแล้ว, บัญชีอื่นๆ ที่ใช้รหัสเดียวกันอาจเสี่ยงต่อการโจมตีเช่นกัน
- คลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้เป็นเป้าหมายของการโจมตีที่ใช้เทคนิค Phishing, Malware, หรือการติดตั้งโปรแกรมมัลแวร์.
- การใช้ Wi-Fi สาธารณะที่ไม่มีการเข้ารหัส ทำให้ข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่ายนั้นถูกเปิดเผยและมีความเสี่ยงต่อการโจมตี MITM (Man-in-the-Middle)
- การไม่ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสและมัลแวร์ อุปกรณ์ทำให้เป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับการโจมตีและการติดตั้งโปรแกรมที่อาจเป็นอันตราย
- ไม่สำรองข้อมูลสำคัญ ทำให้เกิดความเสี่ยงในกรณีที่ข้อมูลสูญหาย, ถูกทำลาย, หรือถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- แชร์ข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย ทำให้ข้อมูลส่วนตัวอาจถูกนำไปใช้ในการโจมตีหรือการประหยัดข้อมูล
- หลงเชื่อข้อเสนอที่ดูดีจนเกินจริง อาจเป็นการโจมตีหรือหลอกลวงในการสร้างความเชื่อมั่น
- ทำธุรกรรมออนไลน์โดยไม่ระมัดระวัง เช่น การให้ข้อมูลบัตรเครดิตหรือข้อมูลส่วนตัวในที่ที่ไม่ปลอดภัย
วิธีการลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมทางไซเบอร์
1. อัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอ
โจรกรรมทางไซเบอร์มักใช้ช่องโหว่ที่พบในซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการเพื่อทำการโจรกรรม การอัปเดตซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปิดช่องโหว่ที่อาจถูกใช้เพื่อการโจรกรรม
2. บังคับใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัย
การใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่งทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดียากที่จะเข้าถึงข้อมูล ควรเลือกรหัสผ่านที่ประกอบด้วยตัวอักษรตัวใหญ่-เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ และควรปรับปรุงรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอ โดยมีลักษณะดังนี้
- ยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร
- ผสมผสานตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์
- ไม่ใช้ข้อมูลส่วนตัว
- ไม่ใช้รหัสผ่านเดียวกันกับเว็บอื่น
3. การใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัย
การใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัยเป็นส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมทางไซเบอร์ เนื่องจาก Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัยสามารถทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกเข้าถึงได้ง่ายๆ โดยผู้ไม่ประสงค์ดี ซึ่งการใช้ Wi-Fi ที่ปลอดภัย เช่น
- ตั้งรหัสผ่าน Wi-Fi ที่แข็งแกร่ง ประกอบไปด้วยตัวอักษรตัวใหญ่-เล็ก, ตัวเลข, และสัญลักษณ์พิเศษ หลีกเลี่ยงการใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการเดา เช่น 123456 หรือ password
- เปลี่ยนชื่อและรหัสผ่านเริ่มต้นของเราเตอร์ (default credentials) ที่มีการตั้งค่ามาตรฐาน และการไม่เปลี่ยนรหัสผ่านเริ่มต้นทำให้ง่ายต่อการเข้าถึงเราเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
- การใช้ Virtual Private Network (VPN) ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารทางออนไลน์ และป้องกันการดักรับข้อมูลที่ถูกส่งผ่าน Wi-Fi
- ปิดใช้งานการแบ่งปันไฟล์และเครื่องพิมพ์ในเครือข่าย Wi-Fi เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
- เปิดใช้งาน Firewall ในเราเตอร์เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต
- ทำการอัปเดต firmware ของเราเตอร์เพื่อรับประกันว่ามีการปรับปรุงความปลอดภัยล่าสุด.
- การติดตั้ง Guest Network สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงเครือข่ายหลัก
- เปิดใช้งานการแจ้งเตือนเมื่อมีการเข้าถึง Wi-Fi โดยไม่ได้รับอนุญาต
- จำกัดจำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ในเครือข่าย
การแบ่งระบบเครือข่ายให้เป็นสัดส่วนชัดเจน เพื่อป้องกันความปลอดภัยอย่างเหมาะสม ได้แก่ ระบบเครือข่ายภายในองค์กร สำหรับพนักงานในองค์กรที่ใช้ในงานสำคัญเท่านั้น และ ระบบเครือข่ายภายนอกองค์กร ที่ผู้เยี่ยมชมสามารถเข้ามาได้จากการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต แต่ไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายองค์กรของคุณได้ โดยตั้งข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่ชัดเจน
4. การสำรองข้อมูล (Backup)
การสำรองข้อมูล (Backup) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมทางไซเบอร์ เนื่องจากสำรองข้อมูลช่วยให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลหากถูกโจมตี ขาดหาย หรือถูกทำลายได้ ควรสร้างสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย เพื่อที่จะสามารถกู้คืนข้อมูลได้ทันที เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก NAS หรือ Cloud Storage
ประโยชน์ของการสำรองข้อมูล
- กู้คืนข้อมูล ช่วยให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลได้หากอุปกรณ์ของคุณถูกโจมตี สูญหาย หรือเสียหาย
- ประหยัดเวลา ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการกู้คืนข้อมูล
- ลดความเสี่ยง ช่วยให้คุณลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลสำคัญ
5. ฝึกอบรมให้ความรู้กับพนักงานทุกคน
เรื่องความปลอดภัยทางด้านข้อมูลนั้นสำคัญกับทั้งตัวบริษัทและพนักงานทุกคน ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดคือวางแนวทางการป้องกันความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ ด้วยการฝึกอบรมให้พนักงานได้รับความรู้ทางด้านไอที เช่น ใช้อีเมลอย่างไรให้ปลอดภัย รวมถึงการใช้งานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางคอมพิวเตอร์
ทั้งหมดนี้ คือการลดความเสี่ยงของการโจรกรรมทางไซเบอร์ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากเกินไป แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
แต่หากท่านใดมีสนใจในบริการ IT Outsource แต่ไม่รู้ว่าจะติดต่อใคร ติดต่อเรา IT-Hero เรามีผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษา และช่วยคุณแก้ไขปัญหากวนใจด้านไอที โดยทางเรามีประสบการณ์ในการให้บริการด้านนี้มากกว่า10ปี แค่เรียกเราที่ไลน์ @ithero
#ithero #itsupport #itsolution #ไอทีฮีโร่ #ไอทีซัพพอร์ท #วางระบบไอที #แก้ไขปัญหาไอที #อัพเดทไอที #อัพเดทซอฟต์แวร์ #บริการไอทีซัพพอร์ท #itservices
มีปัญหาไอที นึกถึง IT-Hero
เราคือผู้ให้บริการดูแลและแก้ไขปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ IT Support & MA ซึ่งเราคือตัวกลางที่จะช่วย SMEs แก้ไขปัญหาด้านไอทีแบบครบวงจร และช่วยปรับธุรกิจของคุณให้ก้าวทันโลกยุคดิจิทัลด้วยบริการด้านไอที
ครบ จบ ทุกโซลูชั่น
- วิเคราะห์พร้อมออกแบบระบบให้เหมาะกับธุรกิจคุณ
- ดูแลแก้ไขปัญหาและจำหน่ายทั้ง Hardware, Software
- ออกแบบติดตั้งระบบสายนำสัญญาณเครือข่าย Network
- ออกแบบ Website, Application
- ระบบ Cloud Solution
- ระบบ ERP Implement
ติดต่องานบริการทางด้านไอที ได้ที่
Email : [email protected]
Tel. : 088-809-0910 to 16
Line OA : @ithero
#ithero #itsupport #itsolution #ดูแลระบบไอที#ไอทีฮีโร่ #ไอทีซัพพอร์ท #วางระบบไอที #แก้ไขปัญหาไอที #อัพเดทไอที #อัพเดทซอฟต์แวร์ #บริการไอทีซัพพอร์ท #itservices #อัพเดทความปลอดภัย #ไมโครซอฟต์ #security policy #microsoft entra id #ความปลอดภัย